ผมสนุกกับซีรีส์ SaGa มาหลายสิบปีแล้ว แม้แต่ตอนนั้นผมก็ติด Final Fantasy Legend 2 อยู่เหมือนกัน แต่เกมอื่นๆ ในซีรีส์ที่ผมเคยเล่นกลับไม่มีความหมายอะไรเลย Saga Frontier 1 ให้ความรู้สึกสุ่มและวุ่นวายเกินไปในแง่ของการพัฒนาตัวละคร Frontier 2 ไม่เคยผสานเข้ากับระบบการต่อสู้ที่เชื่อมโยงกัน Minstrel Song ก็ดูไร้จุดหมายโดยสิ้นเชิง และ Unlimited Saga ก็แบบว่าเข้าใจยาก ผมประทับใจกับความรู้สึกโดยรวมที่ว่า “คุณสามารถไปที่ไหนก็ได้แล้วเขียนเรื่องราวของคุณเอง” ประกอบกับ “ตัวละครจะเติบโตไปตามที่คุณทำ” แต่ผมก็ไม่เคยอินกับจังหวะของซีรีส์นี้เลย Romancing Saga 2: Revenge of The Seven เป็นการนำเกมคลาสสิกมาทำใหม่ ซึ่งได้ปรับปรุง Saga 2 ให้ทันสมัยสำหรับผู้เล่นกลุ่มใหม่ เกมนี้มีความลึกซึ้งมากด้วยระบบการสืบทอดที่ทำให้จักรพรรดิจากยุคต่างๆ สามารถถ่ายทอดทักษะของตนไปยังคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อปราบ Seven Heroes กลุ่มผู้ทรงพลังที่กำลังคุกคามจักรวรรดิ
เรื่องราวของเกมเริ่มต้นด้วยจักรพรรดิลีออนที่สอนบุตรชายให้เจอราร์ดรู้จักวิธีปกป้องจักรวรรดิและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เมื่อวีรบุรุษเคซินซีตัดสินใจยึดครองจักรวรรดิ หลักการนี้เองที่ทำให้ Revenge of The Seven โดดเด่นในฐานะ JRPG หากจักรพรรดิพ่ายแพ้ในการต่อสู้ พวกเขาจะพ่ายแพ้และจักรพรรดิองค์ใหม่จะถูกเลือก แต่การถ่ายทอดทักษะของพวกเขาจะช่วยให้พวกเขาหลบหลีกการโจมตีที่อันตรายที่สุดของเหล่าฮีโร่และแข็งแกร่งขึ้นได้ ตั้งแต่การสังหารทันที การควบคุมจิตใจ ไปจนถึงการถูกครอบงำด้วยพลังอันมหาศาล คุณต้องสร้างอาณาจักรและปราบเหล่าฮีโร่ทั้งเจ็ด!
เนื้อเรื่องยอดเยี่ยม คุณจะได้ค้นพบเหตุผลว่าทำไมเหล่าฮีโร่ทั้งเจ็ดจึงมุ่งมั่นที่จะทำลายจักรวรรดิ และภารกิจเสริมก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการทำภารกิจเหล่านี้ให้สำเร็จจะทำให้คุณได้รับคลาสและพื้นที่ใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้คุณได้เลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ ทั้งในด้านเผ่าพันธุ์และคลาส เกมนี้ยังเป็นเกมที่ท้าทายอีกด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการ JRPG ที่ครอบคลุมทุกด้านและมีอุปสรรคมากมาย คุณอาจสนใจเกมนี้
Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven อาจไม่ได้สวยงามน่าประทับใจนัก แต่งานศิลป์ประกอบกับเสียงพากย์ภาษาอังกฤษและเนื้อเรื่อง ทำให้โลกในเกมดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างแท้จริง ทุกสถานที่ล้วนมีความสำคัญ และเกมนี้ให้อิสระในการเผชิญหน้ากับเหล่าฮีโร่ในลำดับใดก็ได้ รวมถึงเลือกดินแดนที่จะพิชิตก่อน ด้วยอิสระในการเลือกวิธีการเล่นนี้ ทำให้แต่ละเกมมีความโดดเด่นเฉพาะตัว การตัดสินใจของคุณจะกำหนดโลกในเรื่องราวที่แตกแขนงออกไป
ในแง่ของเกมเพลย์ Romancing SaGa 2 เป็นเกมที่มีความลึกซึ้ง โดดเด่น และลึกลับอย่างเหลือเชื่อ ระบบเลเวลแบบเดิมๆ ที่เกมแนวนี้ใช้นั้นหายไปแล้ว และเกมจะนำเสนอด้วย LP หรือแต้มชีวิต ตัวละครแต่ละตัวจะมี LP ในระดับหนึ่ง และเมื่อ LP เหลือ 0 จะถูกฆ่าและทำลายอย่างถาวรในการต่อสู้ หมายความว่าสมาชิกปาร์ตี้ของคุณจะถูกน็อคเอาท์ได้เพียงจำนวนครั้งที่กำหนดก่อนที่จะเสียชีวิตในการต่อสู้ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มชั้นเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว ทำให้สมาชิกปาร์ตี้เพียงแค่ต้องได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิตจนกว่าจะฟื้นคืนชีพในการต่อสู้ ซึ่งให้ทางเลือกมากขึ้น แต่แลกมาด้วยการสูญเสียผู้เล่น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Glimmering ซึ่งเป็นวิธีที่ตัวละครเรียนรู้ทักษะใหม่ ในการต่อสู้ ตัวละครอาจมีตะเกียงอยู่ในทักษะ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น การใช้ทักษะดังกล่าวอาจทำให้พวกเขาเรียนรู้ตะเกียงใหม่ที่จะใช้ได้ทันที Glimmering เป็นระบบที่น่าสนใจ เพราะบางครั้งการเสียสละการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมที่สุดเพื่อโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ก็คุ้มค่า ในทางกลับกัน เวทมนตร์เป็นโอกาสสุ่มหลังการต่อสู้ หากตัวละครมีความก้าวหน้าในสายเวทมนตร์มากพอ ยิ่งถือและใช้อาวุธหรือใช้สายเวทมนตร์มากเท่าไหร่ ตัวละครก็จะยิ่งใช้อาวุธเหล่านั้นได้ดีขึ้นเท่านั้น
เป้าหมายหลักคือการเอาชนะ “วีรบุรุษทั้งเจ็ด” ผู้ร้าย และลำดับการเผชิญหน้ากับพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิง การรู้ว่าควรติดตั้งอุปกรณ์หลบหลีกแบบไหน ใช้รูปแบบการต่อสู้แบบไหน และนำคลาสไหนมาใช้ อาจเป็นตัวกำหนดว่าชัยชนะจะแน่นอนหรือหายนะจะมาเยือน เกมนี้มีช่วงการเรียนรู้ที่ยาก และการต่อสู้บางฉาก เช่น ฮีโร่โนเอล อาจยากเป็นพิเศษในระดับความยากที่สูง แต่ด้วยระบบการสืบทอดและความอดทนอีกเล็กน้อย อุปสรรคต่างๆ ก็จะถูกเอาชนะในที่สุด ฮีโร่แต่ละตัวล้วนเป็นภาพที่น่าตื่นตาบนหน้าจอ บางตัวจะเยาะเย้ยคุณ บางตัวจะทำให้คุณหวาดกลัว และพวกมันจะโจมตีคุณอย่างแรงอยู่เสมอ ทั้งต่อหน้าและด้วยทักษะอันทรงพลังอันน่าเหลือเชื่อ
-
กราฟิก - 8/108/10
-
การเล่นเกม - 9/109/10
-
เรื่องราว - 8.5/108.5/10
-
ดนตรี - 8.5/108.5/10

















